วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2551

โอปปาติก (โอ-ปะ-ปา-ติ-กะ) เกิดอมตะ



กล่าวเบื้องต้นเกี่ยวกับ หนัง
สำหรับหนังเรื่องนี้อย่างที่ทุกๆท่านได้ดูทีเซอร์ทางทีวีจะพบว่าหมดทุนสร้างไปกว่า 80 ล้านเลยทีเดียว แถมยังได้นักแสดง มีชื่อมาเล่นในเรื่องนี้หลายคนเลย ทีเดียว เนื้อเรื่องกล่าวถึงเรื่อง การต่อสู้ ในโลกหลังการฆ่าตัวตาย เรื่องของเหล่าโอปปาติก ที่มีพลังพิเศษหลังฆ่าตัวตายและได้มาซึ่งพลังพิเศษ และคำสาปไปพร้อมๆกัน ในส่วนของชื่อหนังเรื่องนี้อ่านเป็นแบบาลีนะครับ ส่วนคำแปลผมลืมซะแล้วเดี๊ยวจะรีบไปหามานะครับ
ตัวละครต่างๆ
จิรัสย์ รับบทโดย สมชาย เข็มกลัด
ความสามารถและคำสาป : จิรัสย์เป็นโอปปาติก ที่มีความสามารถพิเศษในการคืนชีพได้เรื่อยๆอย่างไม่มีวันสิ้นสุดพอตายก็สามารถฟื้นขึ้นมาใหม่ได้เรื่อยๆไม่รู้จักจบจักสิ้น แต่ในขณะที่ ฟื้นจากความตายจะได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส แบบว่าอยากจะตายแต่ก็ตายไม่ได้ ดั่งงูลอกคราบ ตัวของจิรัสย์มีอายุมากว่าร้อยปี โดยที่ตอนนี้แม้แต่เจ้าตัวก็จำไม่ได้ว่าตายไปตอนไหน เป็นตัวละครที่ว่ากันตามตรงว่าประวัติอยู่ในระดับที่คลุมเครือสุดๆ แต่สุดท้ายแล้วต้นเรื่องทั้งหมดก็น่าจะมาจิรัสย์นั่นแหละเพราะ
Spoil-จิรัสย์เป็นผู้ชักชวนให้ศดกเป็นโอปปาติกและกลายเป็นต้นเหตุของเรื่อง
ไปศล รับบทโดย ชาคริต แย้มนาม
ความสามารถและคำสาป : ไปศล มีความสามารถในการมองหาจุดตายของฝ่ายตรงข้ามได้ รู้ว่าโจมตีตรงไหนถึงจะตาย แต่ก็ต้องแลกกับคำสาปที่ตนจะได้รับแผลเป็นและความเจ็บปวดเหมือนกับคนที่ตนฆ่ายิ่งฆ่ามากก็มีแผลเยอะ หรือพูดง่ายๆคือ เวรกรรมตามทันก็ว่าได้ ตัวของไปศลนั้นฆ่าตัวตายเพราะการที่คนรักของเขาตายไปจึงไม่ต้องการจะมีชีวิตอยู่และหลังจากกลายเป็นโอปปาติก ก็ทำงานเป็นนักฆ่ารับจ้างไม่คิดเงิน สาเหตุที่ทำไปนั้นเพราะอยากจะชดเชยสิ่งที่เกิดในอดีตไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก จึงเข่นฆ่าเหล่าบรรดาคนชั่วเรื่อยมา ทั้งๆที่รู้ว่าทำไปก็ต้องได้รับบาดเจ็บแต่ก็ยังทำเรื่อยมา
อรุษ รับบทโดย เร แม็กโดนัลด์
ความสามารถและคำสาป : อรุษ นั้นว่ากันตามจริงก็ไม่ใช่คนที่เก่งกล้าอะไรเลย เฉพาะในตอนกลางวันเท่านั้น แต่เมื่อพระอาทิตย์ตกดินเมื่อไร จะกลายเป็นคนละเรื่องเลย ความเร็วและความดุร้ายอย่างกับสัตว์ป่า ไล่เข่นฆ่าได้เรื่อยๆ แต่เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นจะจำสิ่งที่เกิดขึ้นที่ตนทำตอนกลางคืนไม่ได้เลย เหมือนกับว่าเป็นแค่ความฝัน ส่วนคำสาปนั้นจะเป็นการบั่นทอนชีวิตให้สั้นลงเรื่อยๆไม่รู้ว่าจะตายตอนไหน สำหรับตัวของอรุษนั้นเป็นเพื่อนสนิทกับรามิลแบบซี้ปึ้กไปเลยทีเดียว ก็ตามความสามารถเขาเป็นคนที่มีสองบุคลิคขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น สิ่งที่อรุษกลัวก็คือเรื่องที่เขาไม่สามารถจำได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นตอนกลางคืน เป็นดั่งฝันร้ายที่ไล่ตามหลอกหลอนไปเรื่อย
รามิล รับบทโดย อธิป นานา
ความสามารถและคำสาป : รามิล มีความสามารถในการเรียก เจตภูติออกมาต่อสู้ได้ และเจ้าตัวเจตภูตินี้ก็มีความโหดเหี้ยมและความเก่งกาจอยู่มากเลย แถมเจ้าตัวนี้ยังบักอึดตายยากตายเย็นมาก ส่วนคำสาปของรามิลคือ เวลาที่เรียกเจตภูติออกมาใช้ ร่างกายก็จะค่อยๆน่าเกลียดและอัปลักษณ์มากขึ้นเรื่อยๆ ดั่งเจตภูติที่น่าอัปลักษณ์ของเขา รามิล เป็นเพื่อนสนิมกับ อรุษชนิดที่เรียกว่าตายแทนกันได้ เขาเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ เสเพลไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยสนอะไร รู้ว่าตนเองจะน่าเกลียดไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังใช้เจตภูติอยู่ ลักษณะนี้ น่าจะเรียกได้ว่าเขานั้นพยายามที่จะ หมดสิ้นกับดินแดนแห่งนี้สักที
เตชิต รับบทโดย ลีโอ พุฒ
ความสามารและคำสาป : เตชิต มีความสามารถ ในการอ่านใจของผู้อื่นได้ เพียงแค่หลับตาลงเท่านั้น เขาก็จะสามารถรับรู้ของทุกๆคนได้ แต่ก็มีคำสาปที่ร้ายแรงมากคือการที่ได้สัมผัสที่ 6 มาก็ต้องแลก กับสัมผัสทั้ง 5 ที่มีอยู่เดิมยิ่งใช้มากความสามารถทางสัมผัสทั้ง 5 ก็จะค่อยๆลดลงไปจนสุดท้ายก้ใช้การไม่ได้ และหากว่าสัมผัสทุกอย่างหมดสิ้นไปแล้ว ชีวิตก็จะต้องถึงคราวพินาศไปในทันที เตชิต เป็นนักสืบเอกชนที่มีความอยากรู้อยากเห็น และได้ถูก ศดกลวง ให้ติดกับสุดท้ายเขาก็ได้ฆ่าตัวตายและกลายเป็น โอปปาติก ทำงานตามล่าหาโอปปาติกอีก 4 คน ให้กับศดก และธุวชิต ทั้งๆที่เขารู้ว่า ยิ่งใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ก็แย่ลงเรื่อยๆจนใช้การไม่ได้แต่เขาก็ใช้มันอย่างพร่ำเพรื่อเพราะเขาต้องการจะรู้ทุกๆสิ่งที่คนอื่นคิด
Spoil-และสิ่งที่เขาอยากรู้อีกอย่างก็คือ โลกหลังชีวิตของการเป็นโอปปาติก นี่เป็นอีกสาเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงใช้มันบ่อยนัก
ศดก รับบทโดย นิรุตติ์ ศิริจรรยา
ความสามารถและคำสาป : ศดก เป็นโอปปาติกที่มีอายุขัยยาวนานมาก เลยมีความสามารถในการรับรู้การเกิดโอปปาติก ส่วนความสามารถถ้าเอาจริงๆคือการสร้างภาพลวงตา ส่วนคำสาปของศดกคือ การที่ต้องแลกกับร่างกายที่จะค่อยๆผุพังไปเรื่อยๆ ศดก ถือเป็นต้นเรื่องของโอปปาติก ก็ว่าได้เพราะเขาเป็นผู้ที่หลอกล่อเหล่าโอปปาติก ให้มาติดกับและเข่นฆ่ากันเองทั้งนี้ทั้งนั้น เขามีเป้าหมายที่จะกลายเป็นอมตะจึงต้องการพลังของจิรัสย์มากๆ แต่ในภาพยนตร์นั้นเขามีเวลาเหลืทอแค่ 8 วันเท่านั้น สิ่งที่เขาตั้งเป้าไว้เขาจะทำมันสำเร็จหรือไม่
Spoil-การที่จะยึดพลังของอีกฝ่ายมานั้นจำเป็นที่จะต้องกัดกินหัวใจของฝ่ายตรงข้าม แล้วพลังนั้นก็จะสามารถเอามาใช้ได้
ธุวชิต รับบทโดย พงพัฒน์ วชิรบรรจง
เป็นมนุษย์คนเดียวในเรื่องนี้มีความเชี่ยวชาญและเทคนิคแบบทหารอย่างแพรวพราว ต่อสู้กับเหล่าโอปปาติกตามคำสั่งของ ศดก ไม่ทราบแน่ชัดว่าเพราะอะไรถึงมาทำงานให้กับ ศดก แต่คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของบุญคุณ ในการตามล่าเหล่าโอปปาติกสูยเสียลูกน้องไปมากและอยากจะช่วย ศดก ให้ได้จึงเป็นผู้ที่ซีเรียสอยู่ตลอด
Spoil-สุดท้ายของเนื้อเรื่องนั้นศดกได้สูยสิ้นเพราะไม่ทันเขาจึงเดินหายไปดื้อโดยที่ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นอย่างไรต่อ
ปราณ รับบทโดย เข็มอัปสร สิริสุขขะ
หญิง ปริศนาผู้ที่ชักใยให้เหล่าโอปปาติกมารวมตัวกัน มักจะมาคอยให้กำลังใจเหล่าโอปปาติกที่มาแวะเวียน ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นใครมาจากไหน แต่ท่าทางที่เศร้าสร้อย อยู่ตลอดก็พอจะคิดว่าเธอน่าจะหลงมาติดที่มิตินี้ จริงๆเหล่าโอปปาติกก็รู้ว่าเธอเป็นใครแต่ไม่รู้ว่าแกล้งลืมกันแน่
Spoil-จริงๆแล้วเธอเป็นเพียงภาพมายาที่ศดกสร้างขึ้นเพื่อลวงเหล่าโอปปาติกเท่านั้นไม่มีตัวตนอยู่จริงตั้งแต่แรก
วิจารณ์ โดยเซฮานอร์ท
เป็นหนังที่สอนคติธรรมได้ดีมากว่าด้วยเรื่องของการฆ่าตัวตายว่าจะพบกับนรกแบบไหน ส่วนของเนื้อเรื่องนั้นทำมาได้น่าติดตามมากๆ ฉากแอ็คชั่นถือว่าทำได้ดีในเรื่องนี้มีใช้ CG และเอ๊ฟเฟ็กค์ พิเศษ อยู่บ้างแต่จะเน้นไปที่การบู๊แบบจะๆสดๆกันไปเลยมากกว่า
ในส่วนของตัวละครก็มีความสามารถพิเศษเหนือธรรมดาทำให้น่าลุ้นน่าติดตามว่าสุดท้ายผลจะลงเอยออกมาอย่างไร การแสดงโดยรวมถือว่าทำได้ดีไม่เสียดีกรีที่เป็นดาราชั้นนำ ส่วนตัวประกอบนั้นมีเยอะและไม่ค่อยมีบทบาทเท่าไรนัก
ส่วนอื่นๆ อย่างฉาก พล็อบ ประกอบฉากหรืออื่นๆเลือกมาได้ดีในระดับหนึ่ง เลยทีเดียวฉากดูเหมาะสมกันดี ในแต่ละช่วงเนื้อเรื่อง แต่ว่าจุดเสียที่น่าจะแก้ไขคือฉากที่ค่อนข้างจะมืดไปหน่อยเลยมองหน้าไม่ค่อยจะชัด แล้วก็ของบางอย่างมันดูวางอย่างจงใจไปหน่อย
การเล่าเรื่องให้อ๊อฟ พงพัฒน์ เป็นคนเล่าคิดว่าไม่ค่อยดีเท่าไรเพราะถึงแม้จะเพื่อให้ขยายเนื้อเรื่องให้เข้าใจแต่บางทีก็ดูเกะกะเกินไป แต่มีบ้างนิดๆหน่อยๆ มันก็ดีเหมือนกัน
เนื้อเรื่อง มีความสับสนในหลายๆจุดเช่นลูกน้องของธุวชิตทำไมมันถึงได้มากมายขนาดนั้น , ทำไมศดกแทนที่จะไล่เก็บโอปปาติกไปทีละคนทำไมต้องทำให้ออกมาพร้อมกันด้วย และในส่วนอื่นๆที่น่าสงสัยคิดว่าถ้าจะให้ดีน่าจะทำภาค 2 ออกมาเป็น ภาคเฉลยน่าจะดี หรือไม่จริงๆหนังมันทำให้จบชัดเจนในตัวแต่ถูกสั่งตัด โดยกองไดโนเสาร์เต่าล้านปี ซึ่งส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า
สรุปโดยรวม - สำหรับโอปปาติกนั้นในความคิดของผมถือว่าทำมาได้ดีถึงดีมากเลยทีเดียว คะแนนคงราวๆ 7.5-8.5 โดยประมาณ เรื่องนี้ว่ากันตามตรงเนื้อเรื่องยังงๆหลายๆจุดฉากแอ็คชั่นดูมึนๆ แต่ถ้าพูดถึงแก่นของเรื่องจริงๆคือ เรื่องของการฆ่าตัวตาย ดังนั้นถ้าในแง่ของความเป็นหนังแอ็คชั่นนั้นคงได้แค่ 7 แต่ถ้าพูดในแง่คติสอนใจนี่เต็ม 10 เลยครับว่ากันอีกครั้งก็คือเอาเป็นว่าไปดูแล้วท่านไม่เสียตังค์ฟรีหรอกครับการจะดูหนังให้ดูที่แก่นของหนังแล้วท่านจะรู้ว่าเรื่องนี้มันไม่ได้แย่ตรงไหนมันกลับดีด้วยซ้ำอยากให้คนที่ไปดูเรื่องแล้วบอกว่าไม่ดีนี่อยากให้คิดใหม่ครับเพราะ อย่างน้อยๆหนังก็สอนให้เรารู้ว่าผลของการฆ่าตัวตายนั้นเป็นบาปมหันต์
สำหรับใครที่จะไปดูเรื่องนี้มีข้อแนะนำนะครับว่าหนังเนี่ยฉากมันโหดมากๆเลือดกระฉูด ฟันหัวกระเด็นย่างสด และหลายอย่างเลยครับแนวๆฮิกุราชิแต่โหดกว่า เพราะฉะนั้นไม่ควรปลาอยเด็กไปดูกับเพื่อนครับ หนังนี้ว่ากันจริงๆเหมาะกับวัยรุ่นขึ้นไปที่มี วิจารณญาน พอตัวนะครับ อ้อ!อีกอย่างนะครับก็อย่างที่บอกสำหรับเรื่องฉากที่น่าเซ็นมันเยอะมาก ถ้ายังไงแนะว่า อย่ารอเลยครับวีซีดี ให้ไปดูแต่เนิ่นๆดีกว่าเพราะหนังดีๆแบบนี้พอเซ้นเซอร์ปุ๊ปไม่รู้ทำไมหนังมันห่วยซะทุกเรื่องเลยก็อยากบอกไว้ก่อนนะครับ
เป้นอย่างไรบ้างครับกับการแนะนำหนังในวันนี้หวงัว่าคงจะถูกใจทุกๆท่านนะครับแสดงความคิดเห็นกับโอปปาติกหน่อยนะครับแบบว่าอยากรู้ แต่ว่า ย้ำอีกครั้งอยากให้มองในแก่นแท้ของหนัง วันนี้เวลาหมดหมดเวลาเสียแล้วไว้พบกันใหม่ในโอกาสหน้านะครับ วันนี้สวัสดีครับ

3 ความคิดเห็น:

cloudsky กล่าวว่า...

ไปดูมาแล้ว บู๊กานทั้งเรื่องเลย
อิอิ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ไม่เข้าใจว่าผู้หญิงในเรื่องเกี่ยวข้องอย่างไรกับโอปาติกะ

Phra Shine Waradhammo กล่าวว่า...

ดูแล้วหลับดีมาก